70-20-10 Digital Rule

การตลาดดิจิทัล กฎ 70:20:10 คืออะไร ทำไมน่าสนใจสำหรับ Digital Marketing

การตลาดดิจิทัล ในปัจจุบันนั้นมีรูปแบบ เครื่องมือ และเทคนิคใหม่ ๆ ออกมาค่อนข้างมาก จนอาจจะเป็นเรื่องยากที่เราจะจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะเหตุนี้เองวันนี้ Exvention จึงหยิบยก กฎ 70 20 10 สำหรับ การตลาดดิจิทัล มาบอกทุกคนกัน แต่ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกการใช้ กฎ 70 20 10 สำหรับการตลาดดิจิทัล เรามาดูที่มาที่ไป ความหมาย และประโยชน์ส่วนใหญ่ที่ผู้คนนิยมนำกฎ 70 20 10 มาปรับใช้ในการทำการตลาดดิจิทัลกันก่อนดีกว่า

กฎ 70 20 10 คือ

          โดย ทฤษฎีกฎ 70 20 10 คือหลักการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นโดย Morgan McCall, Michael Lombardo และ Robert Eichinger ร่วมกับ Centre for Creative Leadership จนกลายเป็นโมเดลในการพัฒนาและเรียนรู้ที่ได้รับการนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งทฤษฎี 70 20 10 คือการมองภาพรวมของการเรียนรู้และพัฒนาเปรียบเทียบกระบวนการทั้งหมดนับเป็น 100% และใน 70% จะเป็นกระบวนการลงมือทำ เพื่อให้เกิดประสบการณ์ทำงานจริง เห็นผลลัพธ์การพัฒนาได้อย่างชัดเจน และช่วยย้ำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยองค์กรชั้นนำทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น Google, Standard Chartered, Nike, American Express, Coca-Cola, Microsoft, Bank of America, Home Depot, Dell, Oracle, และบริษัทชั้นนำอื่นๆ อีกมากมายก็นำกฎ 70 20 10 มาปรับใช้ในองค์กรกัน  

กฎ 70 20 10 กับการจัดลำดับความสำคัญกลยุทธ์ทางการตลาด          

           สำหรับการวางกลยุทธ์ทางการตลาด จะทำได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้นนั้นต้องผ่านการตอบสนองการพัฒนาใหม่ ๆ เพื่อที่จะได้เปรียบเหนือคู่แข่งรายอื่น ๆ โดยโมเดลกฎ 70 20 10 นั้นนับว่ามีความยืดหยุ่น และสามารถนำไปใช้ในการตลาดดิจิทัลได้หลากหลายด้าน ดังนี้  

กฎ 70 20 10 กับการสร้างแบรนด์         

           โดยการสร้างแบรนด์บนโซเชียลมีเดียในยุคนี้ การนำกฎ 70 20 10 มาใช้ถือว่าเป็นประโยชน์และสามารถดึงดูดผู้บริโภคผ่านทางโซเชียลมีเดียได้เป็นอย่างดี ซึ่งการโพสต์บนโซเชียลมีเดียยังจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าออนไลน์ตามมาติดตามหน้าร้านจริงของคุณได้อีกด้วย โดยวางแผนโพสต์โซเชียลตามกฎ 70 20 10 มีหลักการดังนี้

70 % เนื้อหาที่สร้างแบรนด์ การสร้างเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียหลักสำคัญคือจะต้องให้ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก โดยไม่ปรากฏเป็นโฆษณา เริ่มแรกเราต้องตั้งคำถามและตอบคำถาม 2 ข้อนี้กับตัวเองเสมอก่อน คือ

  1. โพสต์นี้ให้ข้อมูลที่มีค่าต่อแบรนด์หรือไม่
  2. โพสต์นี้มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือไม่

โดยหากเราสามารถตอบคำถาม 2 ข้อนี้ได้ โพสต์ของเราก็จะช่วยให้ผู้คนเข้ามาให้ความสนใจกับแบรนด์เราได้มากขึ้น

20 % เนื้อหาที่แชร์จากแหล่งอื่น โดยนอกจากการโพสต์แบบเน้นไปที่เนื้อหาของแบรนด์แล้ว การแชร์วิดีโอและรูปภาพที่สนุกสนานเพิ่มเติมก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้ติดตามที่มีอยู่เดิมสนใจและยังจะส่งผลให้มีการแชร์ต่อในสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นจากผู้ติดตามใหม่ ๆ อีกด้วย

10 % เนื้อหาที่ส่งเสริมแบรนด์ตนเอง  โดยผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่นิยมเข้าชมหน้าโซเชียลมีเดียในการขายโดยตรงของแบรนด์ ดังนั้นการพยายามดึงดูดลูกค้าผ่านการโปรโมตผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอพิเศษ และข้อเสนอส่งเสริมการขายอื่น ๆ จึงไม่ควรมีมากเกินไปแต่ควรมี 10%   

กฎ 70 20 10 กับการทำคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคโซเชียลมีเดีย

           โดยปัจจุบันเราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียกันเป็นจำนวนมาก และอุปกรณ์ยอดนิยมที่ใช้ก็คือโทรศัพท์มือถือ เราจึงยกกฎ 70 20 10 สำหรับการทำคอนเทนต์บนโทรศัพท์มือถือ มาบอกกัน ดังนี้

70 : On the go คือพฤติกรรมที่คนเคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่ว่าจะออกไปข้างนอกหรืออยู่ในบ้าน ก็จะเลื่อนไถฟีด หรือตอบแชท ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มนุษย์ทำบ่อยที่สุดถึง 70%

20 : Lean forward คือพฤติกรรมที่คนมีเวลามากขึ้น ทำให้สามารถอยู่กับโซเชียลมีเดียได้มากขึ้น และดูโฆษณาได้นานมากขึ้นเช่นกัน

10 : Lean back คือพฤติกรรมที่คนจะมีเวลากับโซเชียลมีเดียมากที่สุด และมีเวลากับการเสพย์คอนเทนต์ ยาวนานที่สุด

โดยเมื่อเรารวมตัวเลขทั้งหมด มันก็คือจำนวนเต็ม 100 ของช่วงเวลาของคนในปกติ ดังนั้นเมื่อเรารู้พฤติกรรมการเสพย์คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียของคนแล้ว เราก็ควรต้องสร้างคอนเทนต์ขึ้นมารองรับพฤติกรรมทั้ง 3 แบบ

โมเดลการพัฒนาองค์กร

Reference: ภาพจาก casey smith

กฎ 70 20 10 กับการใช้เงินลงคอนเทนต์ดิจิตอลอย่างคุ้มค่าที่สุด

         โดยการทำคอนเทนต์ดิจิตอลก็ย่อมมีการลงทุนเป็นจำนวนเงิน เพราะฉะนั้นจึงมีการนำกฎ 70 20 10 มาสร้างผลสัมฤทธิ์ให้กับแบรนด์ โดยการแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนในคอนเทนต์ออกเป็น 70 20 10 ดังนี้

70% แรกใช้กับคอนเทนต์ที่แบรนด์ทำอยู่แล้วเป็นประจำ เช่น หากแบรนด์เราเคยลงโฆษณาในช่วงเทศกาลวันแม่แล้วเห็นผลลับดี ก็ให้นำเงินลงทุนกับโฆษณานี้ต่อไป

20% ใช้กับการทดลองการสร้างคอนเทนต์ลักษณะใหม่ ๆ หรือโพสต์บนแพลทฟอร์มใหม่ ๆ ที่แบรนด์เรายังไม่เคยทำมาก่อน โดยการใช้เงินในส่วนนี้จะอยู่บนพื้นฐานความคิดแบบ Fail Fast, Learn Fast คือการทำให้แบรนด์ได้เรียนรู้ตลอดเวลา จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคือแบรนด์เราก็ได้เรียนรู้ไดนามิกใหม่ ๆ และได้เปรียบเทียบตัวเองกับคู่แข่ง เพื่อไม่หยุดอยู่กับที่

10% ใช้กับการสร้างความแปลกใหม่ และนวัตกรรม คือให้เราลองทำคอนเทนต์ในลักษณะที่ยังไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำมาก่อน ซึ่งอาจจะอาศัยบุคลากรที่มีความสร้างสรรค์สูงเข้ามาช่วย แต่งบในส่วน 10% นี้ก็ถือเป็นโอกาสขององค์กรที่สามารถยอมรับกฏ High Risk, High Return เพื่อสร้างวิวัฒนาการใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจของตนเองได้  

สรุป

         กฎ 70 20 10 คือการมองภาพรวมของสิ่งนั้น ๆ และพัฒนาเปรียบเทียบกระบวนการทั้งหมดนับเป็น 100% และใน 70% เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์การพัฒนาได้อย่างชัดเจน และช่วยย้ำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และอย่างยิ่งการผลิตเนื้อหาบน Social Media ในปัจจุบันยังต้องงัดจุดแข็งของแบรนด์ตนเองขึ้นมาให้เหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งด้วย การใช้กฎ 70 20 10 นี้ยังเกิดผลในระยะยาวไม่ต้องไปซื้อการปั๊มไลค์ซึ่งอาจจะเป็นวิธีการที่เสี่ยงและมีแต่ผลเสียด้วย ซึ่งในทางการตลาดดิจิทัล หากเรานำมาใช้อย่างถูกวิธีก็จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหรือแบรนด์ของตนเองมาก       

ผู้ประกอบการท่านใด ต้องการเดินบนเส้นทางธุรกิจออนไลน์ ปรึกษา Exvention ได้เลยครับ
นอกจากนี้เรายัง รับทำเว็บไซต์ อีกด้วยท่านใดสนใจติดต่อเราได้เลยครับ

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *