รายงานเจาะเทรนด์โลก ปี 2023 หนึ่งในหัวข้อรายงาน เกี่ยวกับ “เทรนด์สีประจำปี 2023” (Color Trend) ระบุว่าสะท้อนบรรยากาศของโลกและผู้คนที่เสมือนกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และปรับตัวหลังจากอยู่ภายใต้ข้อจำกัดและความไม่แน่นอนมาเป็นเวลาหลายปี มาอัปเดตเทรนด์ สีแห่งปี 2023 กันเลย
รู้จักที่มาของ Pantone ที่ทรงอิทธิพลกับการใช้สีทั่วโลก
Pantone เริ่มก่อตั้งในปี 1963 เพื่อเป็นตัวกำหนดค่าสีกลางที่เอาไว้ใช้ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ มีชื่อเต็มว่า Pantone Matching System เพื่อให้การนำสีไปใช้ต่อได้ สีที่ตรงและแม่นยำจนกลายเป็นมาตรฐานที่คนทำอุตสาหกรรมการพิมพ์นั้นรู้จักโดยทั่วกัน ช่วงหลังได้มีอุตสาหกรรมอื่นนำค่าสีที่ Pantone กำหนดไว้ไปใช้ด้วย เช่น สถาปัตยกรรม ความงาม การตกแต่งภายในหรือการออกแบบ และอีกมากมาย
การวิเคราะห์ของ Pantone
สำหรับสีที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์มาแรง ทั้งในแง่ของโทนสีที่มีตั้งแต่โทนพาสเทลไปจนถึงโทนสีสด และเฉดสีที่มีแม่สีทั้ง3ครบ ทั้งยังเพิ่มเติมด้วยสีอื่นอีกไม่น้อย โดยบริษัท Pantone ได้คาดการณ์โดยอิงจากแฟชั่น Spring/Summer 2023 ในช่วง New York Fashion Week งานแฟชั่นโชว์จากหนึ่งในมหานครแฟชั่นของโลก และแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1.กลุ่มสีสดใส
กลุ่มที่รวบรวมหลากสีสันสดใสที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน ทรงพลัง และร่าเริง
สีในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย
- สี Fiery Red สีแดงที่แสดงถึงพลังงานที่ล้นออกมา
- สี Beetroot Purple สีชมพูฟูเซียที่สร้างความรู้สึกกล้าแสดงออก
- สี Crystal Rose สีชมพูอ่อนๆ ให้ความรู้สึกสวยหวาน
- สี Tangelo สีส้มที่ทั้งเปรี้ยวจี๊ดและมีระดับ
- สี Peach Pink สีชมพูพีชที่อาจไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดแต่ก็ชดเชยด้วยความรู้สึกอบอุ่น
- สี Empire Yellow สีเหลืองที่แม้จะไม่ใช่กลุ่มสีนีออนแต่ก็มีความสว่างและให้ความรู้สึกสนุกสนาน
- สี Classic Green สีเขียวแบบดั้งเดิมที่สื่อถึงการมีสุขภาพดี
- สี Love Bird สีเขียวที่เพิ่มสีเหลืองเข้าไปเล็กน้อย ให้ความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา เหมือนนกเลิฟเบิร์ด
- สี Blue Perennial สีน้ำเงินที่มีความอมเทานิดๆ ให้ความสุขุมแต่ในขณะเดียวกันก็โดดเด่น
- สี Summer Song สีฟ้าที่ค่อนไปทางสีเทาที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
2.กลุ่มสีคลาสสิก
สำหรับสีในกลุ่มนี้จะเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ และเป็นสีคลาสสิกที่พบเห็นได้บ่อยในวงการแฟชั่น
- สี Skylight สีฟ้าที่มีความสว่างใสเหมือนน้ำสะอาด ใกล้เคียงกับสีฟ้า Baby Blue ทั้งสองสีนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มสีฟ้าพาสเทล
- สี Vanilla Cream สีครีมนุ่มที่นำสีพีชมาลดความเข้มลง ทำให้ได้สีสันที่น่ารักและสดใส มีความสว่างขึ้น
- สี Gray Lilac สีเทาที่ผสมสีม่วง Lilac ลงไปเล็กน้อย กลายเป็นสีที่ให้ความรู้สึกชวนฝัน
- สี Leek Green สีเขียวอมน้ำตาลที่ทำให้นึกถึงพืชผักต่างๆ มีความใกล้เคียงกับสีเขียวมะกอกแต่ออกน้ำตาลมากกว่า
- สี Macchiato สีน้ำตาลของกาแฟมัคคิอาโตที่ถูกเจือจางลงด้วยนมและโฟมนม
7 เทรนด์ สีแห่งปี 2023
1. สีเหลืองอ่อน Elfin Yellow
การออกแบบในแนวคิดมินิมัลลิสม์ ยังคงถูกจัดให้เป็นเทรนด์ระยะยาวคู่กับการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการเลือกใช้สินค้าที่ให้ความสบายใจมากกว่าสีสันที่ฉูดฉาด
หมวดหมู่สีมินิมัล Long Term Color เป็นสีที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก แต่ไม่เคยหายไปจากตลาดการออกแบบ สีเฉดนี้มักถูกใช้เป็นสีพื้นเพื่อจับคู่กับสีอื่นมากกว่าสีขาว เนื่องจากสีเหลืองอ่อนให้ความรู้สึกอ่อนโยน ออร์แกนิก และเผยความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมได้ดี
2. สีส้มแอปริคอต Golden Apricot
ทิม ไวลด์ชูต ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาสังคมและบุคลิกภาพ พูดถึงอาการ Nostalgia เกิดขึ้นจากจิตวิทยาแนวเฮโดนิสม์คือหลงใหลชีวิตที่มีแต่ความสุข และพยายามสร้างจิตวิทยาการใช้ชีวิตที่หลีกเลี่ยงความไม่สบายใจ กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ จึงเป็นที่มาของการปลดล็อกเพื่อมองหาความสนุกในปี 2023 ด้วยสีเหลืองทองอมส้มหรือสีส้มเอิร์ทโทน เฉด Golden Apricot ซึ่งเคยเป็นที่นิยมมากในยุค 80
3. สีเขียวมะนาว Lime Green
สีเขียวมะนาวเคยเป็นสีที่ถูกใช้ในงานศิลปะยุค 90 สีนี้เป็นสีที่สร้างความสดใสและขบถภายใต้ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สีเขียวมะนาวจึงถูกนำกลับมาใช้ในฐานะสีที่ทำให้ผู้คนเปิดใจและกระตุ้นให้รู้สึกมีชีวิตชีวา
4. สีเขียวอมฟ้า Deep Lake
สีเขียวเฉดนี้เป็นพลังจากธรรมชาติและน้ำทะเลที่อยู่ระหว่างสีน้ำเงินกับสีเขียว เป็นเม็ดสีที่เกิดขึ้นจากการถูกกัดกร่อนของโลหะทองแดง จึงตั้งชื่อสีเฉดนี้ว่าเขียว Verdigris หมายถึงสนิมสีเขียว ที่สามารถเปล่งประกายแม้จะถูกกัดกร่อนตามกาลเวลา สอดคล้องกับแนวคิดของ Activist ที่ตีความถึงผู้นำเยาวชนที่ไม่ยอมแพ้เพื่อความก้าวหน้าทางสังคม
5. สีแดงก่ำ Scarlet Sage
กลุ่มสีแดงเป็นสีที่ถูกใช้เชื่อมโยงกับมรดกทางความคิดและภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ หากไล่เรียงพัฒนาการและความเชื่อมโยงของสีจากปี 2022 จะพบว่าสีแดงก่ำเฉด Scarlet Sage พัฒนาจากกลุ่มสี Artisanal Red คาดว่าจะกลายเป็นเฉดสีหลักในฤดูร้อนปี 2023 ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ปรารถนาการกระตุ้นอารมณ์ด้วยสีสัน การเติมพลัง และความหลงใหล
6. สีม่วงเข้ม Phlox
สีม่วงมีบทบาทสำคัญในเทรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีมานี้ สำหรับสีม่วงเฉด Phlox ถูกนิยามใหม่ด้วยแนวคิดด้านดิจิทัล ข้อมูลจากสำนักเทรนด์ NellyRodi ระบุความเชื่อมโยงของกลุ่มสีม่วง Phlox กับโลกเมตาเวิร์ส โลกเสมือนที่ถูกสร้างจากความเหนือจริงแบบ 100% นี่จึงเป็นศูนย์กลางใหม่ของการปฏิสัมพันธ์ เครือข่ายทางการค้า และรูปแบบงานช่างฝีมือดิจิทัลซึ่งปราศจากวัสดุจริง พร้อมแนวคิดใหม่ในการเป็นเจ้าของ
7. สีดำเทา Moonless Night
สีดำจัดอยู่ในกลุ่มสีคลาสสิกที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ และมักเป็นตัวแทนของความลึกลับ ความเย้ายวน ความหรูหรา ตลอดจนให้ความรู้สึกชัดเจน ตรงไปตรงมา ในช่วงยุคกลาง สีดำมักถูกใช้ในเครื่องแต่งกายของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อบ่งบอกถึงตำแหน่งและความเคร่งครัดในหน้าที่ ซึ่งเป็นกลไกในการขับเคลื่อนสังคมในช่วงเวลาดังกล่าวแต่สำหรับสีดำเฉด Moonless Night ในช่วงปี 2023 นี้ สื่อสารถึงพลังและความชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าท่ามกลางปัญหา
สรุป
7 เทรนด์ สีแห่งปี 2023 ได้แก่ สีเหลืองอ่อน Elfin Yellow สีส้มแอปริคอต Golden Apricot สีเขียวมะนาว Lime Green สีเขียวอมฟ้า Deep Lake สีแดงก่ำ Scarlet Sage สีม่วงเข้ม Phlox สีดำเทา Moonless Night ในแต่ละสีนั้นมีความหมายแตกต่างกัน บางสีเป็นสีที่ทำให้รู้สึกสดใสมีชีวิตชีวา บางสีเป็นสีที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนลึกลับ ทุกสีล้วนมีคุณค่าและความหมายที่บอกเล่าอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลายแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในชีวิต
ผู้ประกอบการท่านใด ต้องการเดินบนเส้นทางธุรกิจออนไลน์ ปรึกษา Exvention ได้เลยครับ นอกจากนี้เรายัง รับทำเว็บไซต์ อีกด้วยท่านใดสนใจติดต่อเราได้เลยครับ
Reference :
Color Trend 2023 รวมเทรนด์สียอดนิยมที่อาจมาแรงในปีหน้า
‘เทรนด์สีที่จะมาแรงในปี 2023’ คอแฟชั่นอัปเดตด่วน!
“เทรนด์สีแห่งปี 2023” สะท้อนอารมณ์หลากหลายของผู้คน “มองโลกแง่ดี-มีความหวัง แม้ต้องเผชิญความท้าทาย”
7 เทรนด์สี ปี 2023 สะท้อนบรรยากาศโลก-ผู้คนที่กำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้น