darkweb

Dark Web กับ Deep Web คืออะไรและเข้าใจในความต่าง

Dark Web กับ Deep Web เกิดขึ้นมามากมาย ในยุคที่โซเชียลมีเดียกำลังเฟื่องฟูอย่างทุกวันนี้ทำให้เรามักจะพบเห็นข่าวข้อมูลการโจรกรรมทางไซเบอร์จากผู้ไม่หวังดีอยู่บ่อย ๆ เช่น ข่าวการรั่วไหลของข้อมูลทางธุรกิจ หน่วยงานสาธารณสุข ไปจนถึงหน่วยงานราชการก็ไม่เว้น ซึ่งแน่นอนว่ามันได้สร้างความสงสัยให้แก่ประชาชนทั่วไป ว่าพวกโจรกรรมไซเบอร์พวกนั้นเอาข้อมูลมาได้อย่างไร แล้วจะเอาไปทำอะไร

ฉะนั้นวันนี้ Exvention จึงจะมาไขข้อข้องใจพร้อมอธิบายเกี่ยวกับเว็บทั้งสองประเภทนี้ให้ประชาชนอย่างเรา ๆ สามารถเข้าใจได้มากขึ้น แต่ก่อนจะไปรู้จักกับเว็บที่ว่า เรามารู้จักกับ Surface Web ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลกันก่อนดีกว่า

Surface Web คือ

          Surface Web (เว็บพื้นผิว) คือ ส่วนหนึ่งของโลกอินเทอร์เน็ตที่ทุกคนสามารถเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ที่ใช้งานอยู่ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ พื้นที่สาธารณะที่ไม่ว่าใครก็ตามสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้แค่เพียงมีอินเทอร์เน็ตอยู่กับตัว จนทำให้หลาย ๆ คนมองว่า Surface Web เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอินเทอร์เน็ตแต่ความเป็นจริงแล้วคือถึงแม้ Surface Web จะมีหน้าเว็บไซต์อยู่หลายพันล้านหน้า

แต่ก็ยังเป็นแค่พื้นที่เล็ก ๆ เพียง 5-10% ของหน้าเว็บเพจทั้งหมดที่มีอยู่เท่านั้น เพราะการจะเข้าถึงหน้าเว็บเพจส่วนที่เหลืออื่น ๆ ได้ จำเป็นจะต้องลงไปในโลกอินเทอร์เน็ตให้ลึกกว่าที่เคย เพราะฉะนั้นไม่เสียเวลาเรามารู้จักกับ Deep Web กับ Dark Web กันเลย

 

Deep Web คือ

         Deep Web (เว็บล่องหน) คือ เว็บไซต์ที่ไม่ปรากฏใน Search engine แต่มีอยู่จริง โดยคนส่วนใหญ่มักจะพูดถึง Deep Web เมื่อจะพาดพิงไปด้านการใช้งานในทางผิดกฎหมายแต่ถึงอย่างนั้น Deep Web ก็ไม่ใช่ที่ที่เหล่าอาชญากรสนใจของอย่างแท้จริงเพราะแท้จริงแล้ว Deep Web ส่วนใหญ่เป็นหน้าเว็บที่ขาวสะอาดและมีประโยชน์หลายอย่าง

โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายคนอาจจะเคยใช้งาน Deep Web อยู่เป็นประจำแล้ว เพียงแต่อาจจะไม่รู้ว่าที่ใช้งานอยู่นั่นแหละคือ Deep Web เช่น หน้ากล่องจดหมายของอีเมล, หน้าธุรกรรมของธนาคารออนไลน์ หรือหน้าเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตามที่ต้องล็อกอินเข้าระบบก่อนถึงสามารถเปิดได้

         ซึ่ง Deep Web เป็นเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ว่าแค่เรามีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าได้ แต่ต้องมีบางสิ่งที่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ให้ต่อเข้าหากันได้ด้วยนั่นเอง และนอกจากนี้ Deep Web ยังนับรวมไปยังหน้าเว็บเพจที่เราสามารถร่างเนื้อหา (Draft) ก่อนที่จะเผยแพร่ให้เป็น Surface ด้วย 

สรุปจุดสังเกตที่ทำให้เราเข้าใจ Deep Web ได้ง่ายขึ้น

  • Deep Web เป็นหน้าเว็บเพจที่ไม่ถูกเก็บข้อมูลใน Search engine
  • Deep Web ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ
  • หลายบริษัทใช้ Deep Web ในขั้นตอนการชำระเงิน, ทำธุรกรรม, และแสดงหน้าจอยืนยัน ฯลฯ
  • Deep Web เป็นหน้าเว็บเพจที่ผู้ใช้ต้องรับรองความถูกต้องก่อนถึงจะสามารถเข้าถึงได้ เช่น การใส่ชื่อบัญชีผู้ใช้ หรือรหัสผ่าน เพื่อที่จะเข้าสู่หน้าเว็บเพจ

          หลังจากมาถึงส่วนนี้แล้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้แล้วว่าตัวเองมีโอกาสได้เข้าถึงกับ Deep Web อยู่บ่อยครั้งกว่าที่คิด แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก Deep Web แล้ว โลกอินเทอร์เน็ตที่กว้างใหญ่ดังมหาสมุทรนี้ก็ยังมีส่วนที่เรียกว่าดาร์กเว็บ อยู่ด้วยนะ

 

Dark Web คือ

          Dark Web หรือ Darknet (อินเทอร์เน็ตด้านมืด) คือ Invisible Web หรือเว็บล่องหน ที่ไม่ถูกทำดัชนี และไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่านการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบธรรมดา เพราะผู้ใช้จำเป็นต้องใช้เว็บเบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมเปิดเว็บเฉพาะทางนั่นก็คือ The Onion Router TOR หรือ The Onion Router

คือซอฟต์แวร์เปิดเผยซอร์สโค้ด (Open Source Software) ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารแบบไม่ระบุตัวตน (Anonymous communication) ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยการสื่อสารผ่าน TOR นั้นข้อมูลจะไม่ถูกส่งไปยังปลายทางโดยตรง แต่จะถูกส่งเข้ารหัสแล้วส่งไปยังโหนด (Node) / สถานีรีเลย์ (TOR Relay) ที่มีกระจายอยู่มากกว่า 600,000 จุด บนอินเทอร์เน็ต

          ก่อนจะถอดรหัสข้อมูลที่ปลายทางเพื่อส่งข้อมูลให้ผู้รับที่กำหนดแทน และด้วยวิธีการดังกล่าวนี่เองที่ทำให้ TOR สามารถช่วยปกปิดตำแหน่งของผู้ใช้งาน และยากต่อการค้นหาตำแหน่งของผู้ใช้งาน เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวจากการถูกสอดแนมได้ และเจ้าความสามารถในการปกปิดตัวตนนี่เองที่ทำให้มันดึงดูดผู้ที่ต้องการทำอะไรที่ละเมิดข้อกฎหมาย

หรือ โจรกรรมไซเบอร์ และสิ่งผิดกฎหมายส่วนใหญ่ที่พบว่าใช้ดาร์กเว็บ ในการทำโจรกรรมก็มีเช่น ค้าขายยาเสพติด, อาวุธสงคราม, หนังผู้ใหญ่ที่ใช้นักแสดงเป็นเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ, ข้อมูลบัตรเครดิต, หนังสือเดินทางปลอม, ข้อมูลที่แฮกมาจากบริษัทใหญ่ ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย

เว็บมืด

Reference: ภาพจาก Digitypes

ข้อแตกต่างระหว่าง Deep web และ Dark web

Deep web แม้ว่าอาจจะสามารถเข้าถึงได้โดยการใช้อินเทอร์เน็ตหรือเว็บเบราว์เซอร์ทั่วไป แต่ก็จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และอาจมีบางเว็บไซต์ที่เราทราบปลายทางที่ชัดเจน แล้วก็สามารถกดเข้าได้ทันที ซึ่ง Deep Web นั้นจะไม่ปรากฏโฉมหน้าการเข้าสู่ระบบสาธารณะหรือผลการค้นหาใน Google

Dark web จะมีความซับซ้อนมากกว่าเมื่อแทบกับ Deep Web เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะทำงานบนเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว และอนุญาตให้สื่อสารผ่านวิธีการเฉพาะเท่านั้น ซึ่งก่อให้เกิดการปกปิดตัวตนในระดับสูง และอาจต้องใช้โปรแกรมเฉพาะ แพลตฟอร์มเฉพาะ หรือรูปแบบจำเพาะบางอย่างในการเข้าถึงจึงจะสามารถมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้นั้นเอง

 

สรุป

          อาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เรามักจะได้พบเห็นและได้ยินกันในทุกวันนี้ล้วนเกิดขึ้นได้ เพราะดีฟเว็บและดาร์กเว็บ ซึ่งเป็นพื้นที่อิสระและเป็นตลาดซื้อขายของผิดกฎหมายทั้ง การแฮกข้อมูลส่วนตัว, ข้อมูลบัตรเครดิต และการจ้างวานก่ออาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งหากเราไม่อยากให้อาชญากรรมทางไซเบอร์เหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเราหรือคนใกล้ตัว เราก็ควรจะต้องรับรู้ถึงความอันตรายก่อนที่จะเกิดขึ้น เพื่อทำการประมวลผลความเสี่ยง หรือรับฟังการบริการการช่วยเหลือ จากผู้เชี่ยวชาญที่มีความน่าเชื่อถือ นั่นเอง

 

ผู้ประกอบการท่านใด ต้องการเดินบนเส้นทางธุรกิจออนไลน์ ปรึกษา Exvention ได้เลยครับ
นอกจากนี้เรายัง รับทำเว็บไซต์ อีกด้วยท่านใดสนใจติดต่อเราได้เลยครับ

Reference :

รู้จักกับเว็บไซต์ใต้ภูเขาน้ำแข็ง แหล่งซื้อขายข้อมูลผิดกฎหมายที่นักโจรกรรมอาศัยอยู่

เว็บมืด คืออะไรกันแน่?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *